หลวงพ่อเชยท่านเกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2422 ตรงกับวันเสาร์ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ จุลศักราช 1241 ในรัชกาลที่ 5 ที่บ้านตำบลวังน้ำคู้ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โยมพ่อชื่อ ชื่น โยมแม่ชื่อ หริ่ง นามสกุล เอกน้อย มีอาชีพทำนา เมื่ออายุเติบโตเข้าเรียนก็เข้าเรียนที่สำนักสงฆ์วัดปากพิง ตำบลวังน้ำคู้ อำเภอเมืองพิษณุโลก 
          ได้ศึกษาอักขระสมัยวัดนั้นจนมีความรู้แตกฉานอย่างรวดเร็ว จนท่านสมภารออกปากชมเชยในสติปัญญา จนกระทั่งได้ย้ายมาประกอบอาชีพที่ตำบลมหาชัย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร จนกระทั่งมีอายุได้ 26 ปีบริบูรณ์ จึงตัดสินใจละเพศเข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดเจษฏาราม ในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2448 ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีมะเส็ง จุลศักราช 1267 โดยมีท่านพระครูสมุทรคุณากร เจ้าอาวาสวัดตึกมหาชยาราม เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการใหม่ เจ้าอาวาสวัดแหลมสุวรรณาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการโต เจ้าอาวาสวัดโกรกกรากเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า ญาณวฑฺฒโน หลวงพ่อเชย เมื่อบวชแล้วได้ศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักวัดเจษฏารามได้ 1 พรรษา ก็มีความรู้แตกฉานในพระธรรมวินัย ภาษาบาลี สันสกฤต และภาษาไทย อักขระขอมได้อย่างดี 
          และในพรรษาต่อมาจึงได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดสังกระจาย ธนบุรี เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมต่อเพิ่มเติมอีก ไปศึกษาที่วัดราชสิทธาราม วัดประยูรวงศ์ ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดสังกระจายนานถึง 10 พรรษา ครั้นถึงปีมะโรง พ.ศ. 2459 ได้ย้ายไปจำพรรษา ณ. วัดสวนแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม และได้เปิดการสอนพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณรในวัดนั้น 
          ในปี พ.ศ. 2462 พระอธิการบัว เจ้าอาวาสวัดเจษฎารามได้ถึงแก่มรณภาพลง ชาวบ้านจึงได้อาราธนาหลวงพ่อเชยเป็นเจ้าอาวาสวัดเจษฎาราม และในปีเดียวกันท่านก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลมหาชัยอีกด้วย ในปี พ.ศ. 2469 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ในปี พ.ศ. 2476 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูมหาชัยบริรักษ์และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองสมุทรสาคร 
          เหรียญหลวงพ่อเชยรุ่นแรก สร้างแจกในงานทำบุญอายุครบ 6 รอบ 72 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2494 เป็นเหรียญรุ่นแรกของท่านถูกจัดเข้าอยู่ในทำเนียบเหรียญยอดนิยมอีกเหรียญหนึ่งของวงการหลวงพ่อเชยได้ถึงแก่มรณภาพลงด้วยอาการอันสงบนิ่ง เมื่อวันที่ 26เมษายน พ.ศ. 2500 สิริอายุของท่านได้ 78 พรรษา