ข้อมูลประวัติ พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี) (๒๔๔๕ ๒๕๓๗) วัดหินหมากเป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย
หลวงปู่เทสก์นามเดิม เทสก์ เรี่ยวแรง
เกิด วันเสาร์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๕ ปีขาล
บิดามารดา นายอุส่าห์ และนางครั่ง เรี่ยวแรง
พี่น้อง รวม ๑๐ คน ท่านเป็นคนที่ ๙
บรรพชา
อายุ ๑๖ ปีโดยมีพระอาจารย์ลุย บ้านดงเค็งใหญ่ เป็นพระอุปัชฌาย์
อุปสมบท
อายุครบ ๒๐ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๔๖๖ ณ วัดสุทัศน์
อำเภอเมืองอุบลราชธานี โดยมีพระมหารัฐ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระมหาปิ่น ปญฺญาพโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายา เทสฺรังสี
เรื่องราวในชีวิต
เมื่ออายุ ๑๖ปี พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม ได้เดินรุกขมูลมาถึงวัดบ้านนาสีดา
อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นวัดที่ท่านอุปัฎฐากอยู่ จึงเป็นโอกาสดีที่ท่านได้ปฏิบัติพระอาจารย์สิงห์ ท่านเดินทางธุดงค์ไปพร้อมกับพระอาจารย์สิงห์จนถึงจังหวัดอุบลราชธานีและได้บรรพชาที่นั่น เมื่ออุปสมบทแล้วในปีนั้น พระอาจารย์สิงห์ฯ ได้กลับมาจำพรรษาที่เมืองอุบลฯ อีก ออกพรรษาแล้วพร้อมด้วยพระมหาปิ่น ปญฺญาพโล (น้องชายของท่านอาจารย์สิงห์) และพระอีกหลายรูปด้วยกันรวมกับท่านด้วยได้ออกเดินรุกขมูลไปในที่ต่าง ๆ เดินตัดลัดป่าดงมูลและดงลิงซึ่งเลื่องลือในสมัยนั้นว่าเป็นป่าช้าง ดงเสือ ผ่านจังหวัดร้อยเอ็ดและกาฬสินธุ์ ตลอดจนถึงจังหวัดอุดรธานี ท่านได้ผจญอันตรายและความยากลำบากต่าง ๆ แต่ก็ได้รับรสชาติของการออกเที่ยวรุกขมูล จนกระทั่งเดินทางถึงบ้านค้อ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี จึงได้พบหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ได้เข้าฟังธรรมเทศนาจากหลวงปู่มั่นๆ ได้ให้ท่านตามไปตั้งสำนักสงฆ์ที่บ้านสามผง ที่นี้ท่านได้มีโอกาสถวายการปฏิบัติหลวงปู่มั่น โดยท่านได้ไปนอนที่ระเบียงกุฏิ ของหลวงปู่คอยถวายการปฏิบัติและได้มีโอกาสปฏิบัติความเพียรเดินจงกรม ทำความสงบฟังเทศน์จากหลวงปู่มั่น เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๐ท่านได้ไปเผยแพร่ธรรมะที่สิงคโปร์ อินโดนีเซีย
และออสเตรเลีย ตามคำชักชวนเป็นเวลา ๓ เดือนกว่า และได้กลับไปที่สิงคโปร์อีกครั้งหนึ่ง
ไปพักที่เดิมเป็นเวลานาน เพราะมีผู้อยากจะสร้างวัดที่นั่น แต่สถานที่ไม่เหมาะจึงไม่ได้สร้าง
ในปี พ.ศ.๒๕๓๔ ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นชั้นราช ฝ่ายวิปัสนาธุระที่ พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหินหมากเป้งอำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ท่านนับเป็นลูกศิษย์ที่สำคัญยิ่งของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต องค์หนึ่ง ท่านได้อุตสาหะปฏิบัติบำเพ็ญธรรมด้วยชีวิตเป็นเดิมพัน ได้บำเพ็ญกรณียกิจ เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชน และความเจริญมั่นคงแห่งพระศาสนา โดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคต่าง ๆ และด้วยจิตใจที่แน่วแน่มั่นคง ผู้ที่เคยได้กราบนมัสการท่าน มักพูดในทำนองเดียวกันว่า ได้รับความอิ่มใจและเป็นบุญของเขาที่ได้มีโอกาสกราบนมัสการท่าน ทั้งนี้คงเป็นเนื่องจากบารมีธรรมที่ท่าน
ได้บำเพ็ญเพียรปฏิบัติมาและเมตตาจิตที่ท่านแผ่มายังบุคคลเหล่านั้นนั่นเองในวาระสุดท้ายท่านได้ไป
บำเพ็ญสมณธรรมที่วัดถ้ำขาม อ.พรรณนิคม จ.สกลนครและได้ดับสังขารลงที่นั่น
มรณภาพ
วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๗ เวลา ๒๑ นาฬิกาเศษ ณ วัดถ้ำขาม อ.พรรณนิคม
จ.สกลนคร สีริอายุได้ ๙๒ ปี ๗ เดือน ๒๑ วัน