ข้อมูลประวัติ หลวงพ่อผล วัดเซิงหวาย กรุงเทพฯ
พระราชนันทาจารย์ มีนามเดิมว่า ผล ใกล้ขาว เกิดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2454 ณ บ้านเลขที่ 76 หมู่ 10 แขวงและเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายคำ และนางเผื่อน ใกล้ขาว
ชีวิตในวัยเด็ก ได้ช่วยงานครอบครัวอย่างขยันขันแข็ง และจบการศึกษาสามัญชั้นม.1 โรงเรียนวัดธรรมาภิรตาราม จนเมื่ออายุย่าง 16 ปี จึงได้บรรพชา ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ โดยมีพระพิมลธรรม เป็นพระอุปัชฌาย์
เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2474 ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ โดยมีพระพิมลธรรม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระญาณสมโพธิ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระเทพโมลี เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ด้วยความมุ่งมั่นศึกษาพระธรรมวินัยและพระปริยัติธรรมอย่างลึกซึ้ง ณ สำนักเรียนวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ได้มุมานะเล่าเรียนอย่างหนัก
พ.ศ.2466 สอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท ตามลำดับ ณ สำนักเรียนวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
พ.ศ.2481 สอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค ณ สำนักเรียนวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
พ.ศ.2502 สำเร็จการศึกษาประโยคครูพิเศษประถม (พ.ป.) จากกระทรวงศึกษาธิการ
ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2481 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดเวตวันธรรมาวาส พ.ศ.2509 เป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ.2515 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะแขวงบางซ่อน
พ.ศ.2517 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะเขตพญาไท
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2499 ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูวิบูลโชติวัฒน์ พ.ศ.2509 ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
พ.ศ.2510 ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ ในราชทินนามเดิม
พ.ศ.2514 ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ในราชทินนามที่ พระศีลาจารพิพัฒน์
พ.ศ.2514 ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ พระราชนันทาจารย์
พระราชนันทาจารย์ หรือหลวงปู่ผล อกฺกโชติ เป็นพระผู้โอบอุ้มอุปถัมภ์โรงเรียนอย่างต่อเนื่อง นับแต่ท่านได้ก่อตั้งโรงเรียนหลายสิบปี ในช่วงนั้น ท่านได้เล็งเห็นถึงความลำบากของเด็กๆ ในย่านซอยวัดเซิงหวาย ซึ่งต้องพากันเดินไปเรียนที่โรงเรียนวัดสร้อยทอง ที่อยู่ไกลออกไปหลายกิโลเมตร ท่านจึงได้เมตตามอบที่ดินของวัด เพื่อก่อตั้งโรงเรียนวัดเวตวันธรรมาวาส ต่อมาได้แยกเป็น 2 โรงเรียน คือ โรงเรียนศีลาจารพิพัฒน์ ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมอีกแห่งหนึ่ง นับว่าพระเดชพระคุณเป็นผู้มีวิสัยทัศน์อันกว้างไกล เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างพื้นฐานปลูกฝังเยาวชนที่เป็นกำลังสำคัญของชุมชน นักเรียนแต่ละรุ่นที่จบการศึกษาออกไป ต่างประสบความสำเร็จ ประกอบอาชีพเลี้ยงตัวและเป็นประโยชน์ต่อสังคมเป็นอย่างดี
ในช่วงบั้นปลายชีวิต อาพาธบ่อยครั้งด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ สุดท้ายได้มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2547 ณ โรงพยาบาลบางโพ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ สิริอายุ 93 พรรษา 9 เดือน 9 วัน