ข้อมูลประวัติ หลวงปู่สอ วัดป่าบ้านหนองแสง
?พระครูภาวนากิจโกศล? หรือ ?หลวงปู่สอ พันธุโล? วัดป่าบ้านหนองแสง ต.สิงห์ อ.เมือง จ.ยโสธร พระป่ากัมมัฏฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย เป็นที่เลื่อมใสศรัทธา
เกิดในสกุลขันเงิน เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 8 ปีระกา ตรงกับวันที่ 7 ก.ค. 2464 ที่บ้านทุ่งมน ต.ทุ่งมน อ.ลุมพุก (คำเขื่อนแก้ว) จ.อุบลราชธานี มีพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน 2 คน เป็นชายทั้งหมด ท่านเป็นบุตรชายคนโต
ในสมัยหนุ่มเป็นฆราวาสนั้น นายสอเป็นคนที่ชอบสนุกสนานร่าเริง เข้ากับหมู่คณะได้ทุกคน ขณะเดียวกันยังเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีความสามารถในการกล่าวกลอนสด (ผญา) เป็นที่ชอบใจของผู้ฟัง แม้เรียนจบเพียงแค่ชั้น ป.3
ถึงจะชอบสนุกสนานรื่นเริง แต่มีนิสัยประจำตัวอย่างหนึ่งคือ ความอดทน ความขยันหมั่นเพียร นับว่าเป็นคุณสมบัติอันสำคัญยิ่ง ที่ส่งผลให้การทำความเพียรของท่านในภายหลังจากอุปสมบทแล้วมีความเด็ดเดี่ยวมั่นคงและเจริญก้าวหน้าไปโดยลำดับ
กระทั่งอายุประมาณ 20 ปี แต่งงานกับนางบับ หญิงสาวชาวบ้านเดียวกัน
หลังจากแต่งงานมีครอบครัว ด้วยความเป็นหัวหน้าครอบครัวทำให้ต้องตื่นแต่เช้า ขยันทำการงาน หนักเอาเบาสู้ โดยหวังจะให้ภรรยาและลูกๆ มีความสุข บางครั้งต้องเดินทางรอนแรมไปต่างจังหวัดเพื่อหาเงินมาจุนเจือเลี้ยงครอบครัว
ต่อมาท่านเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิต ตัดสินใจบอกภรรยาว่าจะขอออกบวช
ในปีพ.ศ.2496 ขณะอายุ 32 ปี นายสอเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เป็นครั้งแรก ที่พัทธสีมา วัดสร่างโศก (วัดศรีธรรมาราม) ต.ในเมือง อ.ยโสธร จ.อุบลราช ธานี มีพระครูปลัดบุญสิงห์ เป็นพระอุปัชฌาย์
ภายหลังอุปสมบทพระสอมีความพอใจมาก มีความปลอดโปร่ง เกิดความสงบเยือกเย็น มองเห็นชีวิตแห่งการบวชเป็นทางที่จะแสวงหาความสุขได้อย่างแท้จริง
ในการบวชครั้งนี้ท่านพยายามจะทำตามกำหนดเวลาของภรรยา คือบวช 15 วัน แต่ในขณะที่บวชอยู่นั้นมีความรู้สึกสบายกายสบายจิต คิดว่าจะบวชให้นานที่สุด และท่านก็ได้ขอผัดผ่อนภรรยาเรื่อยมา
สุดท้ายเมื่อครบ 15 วันท่านก็ไม่ได้สึกตามที่ภรรยากำหนดไว้ จึงทำให้ท่านอยู่ในเพศบรรพชิตและปฏิบัติธรรมแสวงหาความสงบ
พ.ศ.2496 ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านหนองแสง ต.สิงห์ อ.เมือง จ.ยโสธร ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ (ปัจจุบันอยู่วัดป่าบ้านนาคู) เป็นเจ้าอาวาส ท่านได้แนะนำสั่งสอนข้อวัตรปฏิบัติ ตลอดถึงในการอบรมด้านสมาธิภาวนา
แต่ด้วยสาเหตุจากครอบครัวทำให้จำใจต้องลาสิกขา แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ท่านก็ตั้งใจว่าเมื่อมีโอกาสจะกลับมาบวชอีก
พ.ศ.2501 อุปสมบทอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2501 ขณะมีอายุ 37 ปี ที่พัทธสีมา วัดศรีธรรมาราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ยโสธร โดยมี พระครูปลัดบุญสิงห์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสังฆรักษ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระมหาสาย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า พันธุโล
เมื่อได้อุปสมบทแล้วหลวงปู่สอพยายามฝึกฝนอบรมตัวเองด้วยการทำข้อวัตรปฏิบัติและฝึกสมาธิภาวนาอย่างสม่ำเสมอ ท่านได้เร่งประกอบความเพียรมากขึ้นโดยลำดับ
ครั้นมีปัญหาอุปสรรคจากการภาวนาท่านจะเข้าไปกราบเรียนขอคำแนะนำจากครูบาอาจารย์ผู้ที่เคารพนับถืออยู่เสมอ พระมหาเถระที่หลวงปู่ท่านให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง และไปพักปฏิบัติธรรมรับการแนะนำสั่งสอนจากท่านเป็นประจำคือ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
นอกจากนี้ยังมีครูบาอาจารย์ที่เคยเดินทางไปธุดงค์ด้วยกัน อาทิ หลวงปู่สาม อกิญจโน หลวงปู่บัวพา วัดป่าพระสถิตย์ หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ และ หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร เป็นต้น
สุดท้ายได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดป่าบ้านหนองแสง ต.สิงห์ อ.เมือง จ.ยโสธร และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
พ.ศ.2520 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามที่พระครูภาวนากิจโกศล
ด้วยวัยชราภาพหลวงปู่สอมีอาการอาพาธเป็นประจำ ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลยโสธร
จนกระทั่งวันที่ 8 พ.ย.2552 เวลา 15.47 น. หลวงปู่สอมรณภาพด้วยอาการติดเชื้อในกระแสโลหิต สิริอายุ 88 ปี 4 เดือน 4 วัน พรรษา 51